เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๕ ม.ค. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ตั้งใจฟังธรรมนะ! วันนี้วันสำคัญทางศาสนาของเขา เป็นวันไหว้ใช่ไหม วันตรุษจีน วันไหว้ เห็นไหม วัฒนธรรมประเพณี โลกมันประสานกันได้ด้วยวัฒนธรรมประเพณี

ดูนะ เวลาเมืองจีนเขาขนย้ายคน ๑๘๐ ล้านคนเพื่อการเคลื่อนย้ายไปไหว้บรรพบุรุษ ๑๘๐ ล้านคนต้องเคลื่อนไหว แล้วคนเมืองจีนนะ ๑,๓๐๐ ล้านคน แล้วจีนโพ้นทะเล.. ประชากรของโลกมี ๖,๐๐๐ ล้าน ครึ่งของโลกนะ นี่ประเพณีวัฒนธรรมของเขา เขากตัญญูกตเวทีไปไหว้บรรพบุรุษรากเหง้าของเขา เห็นไหม

เราเป็นจีนโพ้นทะเล เราก็ทำประเพณีของเรา มันเป็นประเพณีวัฒนธรรมนะ สิ่งที่เป็นประเพณีวัฒนธรรม หล่อหลอมคนให้มีความเห็นเหมือนกัน ให้สังคมมีความร่มเย็นเป็นสุข ให้เจือจานกัน ให้เผื่อแผ่กัน เห็นไหม นี่ประเพณีวัฒนธรรม

เวลาศาสนาเผยแผ่ไป เห็นไหม เผยแผ่มาสุวรรณภูมิ เห็นไหมถือผี ความถือผีของเรา ศาสนาถือผี ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเป็นวินัย วินัยต้องเด็ดขาด แต่ถ้าเป็นธรรมะนะ ธรรมะเราจะต้องสื่อสารให้เขาเข้าใจได้ จะต้องพูดธรรมะให้ชนพื้นถิ่นเขาเข้าใจได้ เพราะความเข้าใจอันนั้นเขาจะไปประพฤติปฏิบัติ ความเข้าใจนั้นมันเข้าไปถึงหัวใจนะ ถ้าเข้าไปถึงหัวใจ ใจอันนั้นมันจะพ้นจากทุกข์ได้

แต่ถ้าเป็นวินัยที่บัญญัติไว้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ถ้าพูดถึงบัญญัติแล้วฝืนเป็นอาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมดเลย สิ่งที่เป็นอาบัติปาจิตตีย์ เห็นไหม นี่วินัย แต่ธรรมต้องเข้ากับพื้นถิ่น สิ่งที่เป็นพื้นถิ่นเพื่ออะไร เพื่อความเข้าถึงธรรม นี่ประเพณีวัฒนธรรม สิ่งที่เป็นลัทธิ ถ้าเป็นประเพณีวัฒนธรรมเป็นศาสนาไหม? มันเป็นศาสนาไหม?

ถ้าเป็นศาสนา ดูสิ โบราณเรานะ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น กองทัพธรรม กองทัพธรรมนี่ไปเปลี่ยนความเห็น ไปเปลี่ยนความเชื่อถือของเขา ถือผีนะ การถือผีมา ได้ไก่ได้สิ่งใดมาต้องแบ่งครึ่งนึงไปเซ่นผี อีกครึ่งหนึ่งเราได้ใช้ประโยชน์เราเท่านั้นเอง การถือเพราะอะไร ถือเพราะไม่มีที่พึ่ง เพราะเราไม่มีที่พึ่ง จิตใจมันไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ ต้องหาที่พึ่ง ก็ถือผีถือสางถือต่างๆ เห็นไหม

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมานะ

“เธอจงมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แก้วสารพัดนึกเป็นที่พึ่งเถิด”

เราเป็นพุทธมามกะ เห็นไหม ให้ถึงพระรัตนตรัย เวลาจะบวชเณร ต้องถือไตรสรณาคมน์ การขาดจากไตรสรณาคมน์ การถือต่างจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถือว่าขาดจากไตรสรณาคมน์ ถ้าถือต่างจากไตรสรณาคมน์ เห็นไหม ขาดจากเณร

สิ่งต่างๆ ประเพณีวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ดีงามนะ โลกจะอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขเพราะประเพณีวัฒนธรรม รากเหง้าของสังคม สังคมมีราก มีที่มา ประเพณีมันสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามของโลก แต่สิ่งที่ดีงามของธรรมล่ะ เห็นไหม ความเชื่อถือของสังคมต่างๆ กันไป แล้วแต่ประเพณีวัฒนธรรมของเขานี่หลากหลายกันไป

แต่ความเชื่อ ดูสิ บวชพระมาแล้ว พระถ้าไม่อยู่ในหลักในเกณฑ์ พระนะ พระเป็นผู้นำซะเอง วัดเห็นไหม ถือไตรสรณาคมน์ ถือธรรมวินัย ธรรมวินัยเห็นไหม ไม่ถือมงคลตื่นข่าว แต่วัดทำไมเป็นศาลเจ้าล่ะ? ไปดูวัดทั่วๆ ไปสิ จะเป็นศาลเจ้าไปแล้วนะ

ศาลเจ้าก็ศาลผีไง! เจ้าก็คือผี ผีก็คือเจ้า วิญญาณก็คือวิญญาณ ความเป็นมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ไง พระเองเป็นซะเอง เห็นไหม แล้วจะบอกจะโทษประชาชนได้อย่างไร? จะไปโทษประชาชนว่าสังคม วัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างนั้นนะ แล้วประชาชนเอาอะไรเป็นที่พึ่งล่ะ? เอาอะไรเป็นที่พึ่ง เห็นไหม

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการนะ เวลาบอกว่า

“ภิกษุทั้งหลาย.. เธออย่ามีสิ่งใดเป็นที่พึ่งเลย เธอจงมีธรรมะเป็นที่พึ่งเถิด”

แล้วมันไม่มีธรรมะเป็นที่พึ่ง จะเอาอะไรเป็นที่พึ่ง? ในเมื่อหัวใจไม่มีหลักมีเกณฑ์ ไม่มีธรรมในหัวใจ เอาอะไรเป็นที่พึ่ง? ไม่มีที่พึ่งมันก็ว้าเหว่ใช่ไหม พอสิ่งที่ว้าเหว่ มันก็ทำกันไปตามสังคม เห็นสังคมเป็นไปไหม?

ประเพณีวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ดี แต่ประเพณีวัฒนธรรมทำให้เราติดข้อง ไปอยู่กับโลก เห็นไหมมันเป็นประเพณีของโลก แล้วประเพณีของธรรมล่ะ?

ประเพณีของธรรม ดูสิ เราประพฤติปฏิบัติกัน เวลาถือธุดงควัตร สิ่งที่ถือน่ะเป็นเครื่องขัดเกลากิเลสนะ เวลาบังคับตนเองเป็นการขัดเกลากิเลส เพราะเราไม่พอใจหรอก สิ่งใดเราทำแล้วต้องมีความสุข เราต้องเจริญรุ่งเรือง ไหว้เจ้าแล้วรวย ไหว้เจ้าแล้วรวย.. ไหว้เจ้าแล้วไม่ทำอะไรมันจะรวยไหม?

คนเขาไหว้เจ้าเพราะเขามีความกตัญญู คนมีกตัญญู คนคิดถึงรากเหง้า คนคิดถึงที่มา จิตใจเขาสูงส่ง เห็นไหม เขาขยันหมั่นเพียรของเขา เขาจะรวยของเขา เขาจะมีฐานะของเขา เขาต้องมีความขยันหมั่นเพียร เขาต้องมีเชาว์ปัญญาของเขา ไม่ใช่ไหว้เจ้าแล้วรวย!

เห็นไหม ถือธรรมะ ตักบาตร เห็นไหม ตักบาตรแล้วได้บุญ แล้วบุญมันอยู่ไหน? บุญมันอยู่ไหน? ตักบาตรทุกวันก็ยังทุกข์อยู่ทุกวัน

บุญมันเป็นบุญโดยอามิส บุญ เห็นไหม เราไม่มีการกระทำเลย ดูสิ คนอยู่ในน้ำนะ ถ้าไม่เคลื่อนไหว ไม่ว่ายน้ำเข้าฝั่ง มันก็จมน้ำตายนะ จิตใจของเราไม่มีบุญกุศลเป็นที่พึ่ง มันทุกข์อยู่แล้ว ถ้าเราทำบุญอยู่ เหมือนกับเรากระเสือกกระสนประคองตัวเราว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง

สิ่งที่เข้าหาฝั่ง เห็นไหม ทำบุญกุศล สิ่งที่เป็นกุศลนี่ว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง แล้วยังทุกข์ไหมล่ะ ก็ยังทุกข์อยู่อย่างเดิม ขึ้นไปบนบกก็ยังทุกข์อยู่นั่นน่ะ เพราะใจมันเป็นทุกข์ มันทุกข์อยู่ที่หัวใจ มันทุกข์อยู่ที่กิเลสมันบีบคั้นใจ โลกกว้างแสนกว้างแต่กิเลสมันบีบคั้นนะ มันบีบคั้นที่ใจเรา หัวใจมันทุกข์มันทุกข์ที่ใจ ทุกอย่างพอเพียงหมดเลยแต่หัวใจมันไม่พอมันก็ทุกข์เห็นไหม

สิ่งที่ทุกข์มันแก้ที่นี่ หน้าที่การงานเป็นหน้าที่การงานนะ ไหว้เจ้าแล้วรวยเพราะเขาทำของเขา เขามีสติสัมปชัญญะของเขา เขาทำของเขาเพื่อเศรษฐกิจของเขา เขามีปฏิภาณไหวพริบของเขา เพราะอะไร คนมีกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดีนะ นี่ก็เหมือนกัน เราทำบุญกุศลของเรา เราเสียสละของเราเพราะบุญกุศล บุญกุศลมันทำเพื่อใคร ทำเพื่อเรานะ เราไหว้บรรพบุรุษ เพื่อให้บรรพบุรุษดูแล เพื่อจะให้เราทำประสบความสำเร็จ

เวลาเราตักบาตร เราทำ เราเสียสละของเรา เรามีสติ เรามีสัมปชัญญะ เรามีเจตนา มันรับเข้าถึงใจนะ เพราะใจเราถ้าไม่มีเจตนา ดูสิ เราเคารพครูบาอาจารย์องค์ไหน เราทำด้วยความซึ้งใจไหม เราทำสักแต่ว่าทำ เห็นไหม สักแต่ว่า เห็นเขาทำก็ทำตามๆ เขาไป มันไม่กินหัวใจหรอก มันไม่เข้าถึงใจหรอก ถ้ามันเข้าถึงใจ ใจเห็นไหม ตัวเจตนา ตัวเจตนาเข้ามาที่นี่

พอเข้ามาที่เจตนา เจตนามันมาจากไหน เจตนา เจตสิกนะ มีพลังงาน มีตัวทำ ตัวพุทธะ มีเจตนาเคลื่อนออกมา เจตสิก สิ่งที่กระทบ เรากระทบสิ่งใดน่ะมันเจตสิก มันย้อนกลับไปที่ใจ เจตนา เจตสิกมันเป็นทางผ่าน แต่ผู้รับรู้ ผู้สะสมคือตัวจิต แล้วถ้าเจตนามันเข้าถึงใจเรา “เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด” ธรรมคืออะไร?

ธรรมนะ ร้องเรียกสัตว์ทั้งหลายมาดูธรรม ก็ดูความสุขของเรานี่ไง ดูความเข้าใจของเรา ทำไมเมื่อก่อนมันโง่ขนาดนั้น เมื่อก่อนไม่เข้าใจอะไรเลย เมื่อก่อนตระหนี่ถี่เหนียวมาก เมื่อก่อนไม่ยอมทำอะไรเลย พอมันเห็นคุณค่าขึ้นมา เห็นไหม เรียกร้องสัตว์ทั้งหลายมาดูธรรม มาดูความเปลี่ยนแปลงกระบวนการของความคิดเราไง

กระบวนการความคิดเรามันเปลี่ยนแปลงเพราะอะไร? เพราะเรามีสติสัมปชัญญะใช่ไหม? เพราะเราเปลี่ยนแปลงใจของเราใช่ไหม? วุฒิภาวะของเราจะพัฒนาขึ้นไหม? วุฒิภาวะของเราพัฒนาขึ้น เราจะพึ่งใคร?

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องปรินิพพานไปนะ เวลาพระอานนท์ เห็นไหม เสียใจมาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน พระอานนท์เป็นพระโสดาบันนะ ไปยืนเกาะกลอนประตูอยู่ ร้องไห้อยู่นะ พระพุทธเจ้าถามภิกษุ

“ภิกษุทั้งหลาย! อานนท์ไปไหน?”

“อานนท์ไปเกาะกลอนประตู ร้องไห้อยู่พระเจ้าค่ะ”

“ไปเรียกอานนท์มา! ไปเรียกอานนท์มา!”

“อานนท์.. เราบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือ เธอได้ทำคุณประโยชน์กับเราไว้มหาศาล ผู้ที่อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่มีใครอุปัฏฐากได้เท่าเธอหรอก เธอได้ทำคุณงามความดี” เห็นไหม ทำคุณงามความดีไว้นี่บุญกุศล เห็นไหม ทำคุณงามความดีไว้

“เราปรินิพพานไปแล้ว ๓ เดือน เธอจะได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันต์ เธอจงอย่าเสียใจไปเลย” นี่พระพุทธเจ้าเห็นอนาคตังสญาณ

แต่! แต่พระอานนท์เป็นพระโสดาบัน เห็นไหม ด้วยตัวเรายังพึ่งตัวเองไม่ได้ มันเป็นพระโสดาบัน มันมีธรรมในหัวใจแล้วส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ละเอียด กิเลสอย่างละเอียดที่มันบีบคั้นในหัวใจอย่างละเอียด อาลัยอาวรณ์ ความบีบคั้นในใจ เราจะสู้มันอย่างไรไง

“อานนท์! เราบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายต้องดับไปเป็นธรรมดา แม้แต่องค์ตถาคตก็ต้องปรินิพพานไปในคืนนี้”

องค์ตถาคตปรินิพพานไป ไปแต่สรีระขององค์ตถาคตใช่ไหม แต่ธรรมวินัยที่เราฝากไว้ ธรรมวินัย เห็นไหม ธรรมวินัยที่เราจะศึกษา เราจะประพฤติปฏิบัติกัน ประพฤติปฏิบัติตามใคร ถ้าตามโลกก็เป็นประเพณีวัฒนธรรม ถ้าตามธรรมเราก็ต้องดัดแปลงในหัวใจของเรา เราก็ต้องนั่งอยู่โคนไม้ เราก็ต้องต่อสู้กับเรา เราจะทำตามใคร? จะทำตามประเพณีวัฒนธรรมหรือจะทำตามเรา?

ถ้าทำตามประเพณีวัฒนธรรม เห็นไหม ดูคติธรรมสิ มดแดง เห็นไหม มดมันไต่มะม่วง มดมันมีความสามัคคีมาก มดมีความขยันขันแข็งมาก เราเห็นมด เราเอามดมาเป็นตัวอย่างนะ มาสอนเด็กว่าต้องขยันหมั่นเพียรแบบมด แต่มดมันไต่พวงมะม่วง มันได้กินมะม่วงไหม เราไม่ใช่มดนะ เราเป็นมนุษย์ เรามีปัญญา ทำไมเราไม่ตรวจสอบการประพฤติปฏิบัติของเราล่ะ ว่ามันเป็นความจริงไหม

ถ้าเป็นความจริงขึ้นมา เห็นไหม ประเพณีวัฒนธรรมก็เหมือนมดนั่นน่ะ มันสามัคคีกัน มันขยันหมั่นเพียรของมัน มันก็เป็นมด เรื่องของโลกไง

โลก! โลกคือสิ่งที่ทำแล้วมันมีผลตอบสนองนะ ประเพณีวัฒนธรรมการเสียสละมันจะไม่มีตอบสนองเลย แต่.. แต่ดูมดแดงมันเฝ้าพวงมะม่วงสิ แล้วเราจะเฝ้าพวงมะม่วงหรือเราจะกินมะม่วง เราจะเอามะม่วงมาปอก เราจะกินไหม

นี่ก็เหมือนกัน เราจะประพฤติปฏิบัติไหม เราจะเข้าถึงสัจธรรมไหม นี่โอปนยิโก เรียกร้องสัตว์ทั้งหลายมาดูธรรม เรียกร้องสัตว์ก็เรียกร้องความรู้สึกเราไง เรียกร้องเราเอง มันจะลึกเข้ามาในหัวใจนะ ใจมันจะพัฒนาของมันเข้าไป มันจะเห็นของมันเข้าไป มันจะเข้าใจตัวมันเข้าไป

เห็นไหม “เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด” ธรรมนี่ไง สัจธรรมไง ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ผู้นั้นจะเข้าถึงธรรม ผู้นั้น เห็นไหม

เวลาจิตนะ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา แต่ปัจจุบันนี้ใช่ ใช่เพราะอะไร ใช่เพราะเป็นเรา ใช่เพราะมีบุญกุศล มนุษย์สมบัติ เราได้ทำคุณงามความดีมา เราเกิดมนุษย์สมบัติ เราตายไป คนไหนตายไปถ้าจิตนั้นมีคุณงามความดีไปเกิดเป็นเทพ เห็นไหม เทพเจ้ามาแล้ว ต้องเซ่นบูชากันแล้ว แล้วเราต้องให้เซ่นบูชาเราไหม เพราะอะไร?

เพราะเราเกิดเป็นเทพนะ เกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหม สมบัติของเรานะ อาหารที่เป็นทิพย์น่ะ มันไม่เป็นอาหารที่เขาเซ่นไหว้กันนี้หรอก ไม่มีไก่อย่างนี้หรอก เทวดาไม่กินไก่อย่างนี้หรอก เทวดาเขากินอาหารทิพย์ของเขา แต่ด้วยความไม่รู้ของมนุษย์ไง เราต้องเซ่นไหว้ด้วยไก่ ด้วยวิญญาณ นี่สิ่งนี้ ถ้าเราเป็นได้ เราจะมารอเขาเซ่นไหว้ไหม? ถ้าเราทำคุณงามความดี เราจะรอเขาเซ่นไหว้ไหม? นี่ไง แต่วัฏฏะนะ มันปิดบังตาเรา เราไม่เข้าใจ

ประเพณีนะ ไม่ใช่ว่าใครนะ ให้เห็นนะ เราจะบอกว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม คนค่อนโลกนะ เขาทำกันนะ คนค่อนโลกนะเขาทำแล้วเขาสมานเพื่อโลก ความร่มเย็นเป็นสุขนะ มันเป็นความกตัญญูกตเวที ไม่ผิดพลาดนะ ไม่ใช่ผิดหรอก แต่เราทำแล้วเราต้องพัฒนา เราต้องทำแล้วพัฒนาให้รู้จักเราด้วย ให้รู้จักพุทธะ ไม่ใช่เราเกิดเป็นเทพเป็นเจ้าต่างๆ เราเกิดเป็นพุทธะ เราเกิดในธรรม “จงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด” ถ้ามีธรรมเป็นที่พึ่งแล้วเราจะเข้าใจเรื่องอย่างนี้ไปหมดเลย เราจะเห็นไปหมดเลย

เด็กทำคุณงามความดีเราก็ปรบมือให้เด็ก ว่าเด็กนี้ทำคุณงามความดีมาก ผู้ใหญ่ทำคุณงามความดีก็เออ.. ผู้ใหญ่ทำคุณงามความดีมาก เอ้า.. ผู้เฒ่าผู้แก่ทำคุณงามความดี เห็นไหม มันคนละชั้นนะ เด็กมันว่านอนสอนง่ายมันก็สุดยอดแล้ว ประเพณีวัฒนธรรมสอนให้คนมีแต่ความกตัญญู ให้มีความร่มเย็นเป็นสุขในสังคม มันก็สุดยอดแล้ว แต่เราจะสุดยอดแค่นั้นหรือ มันเป็นโลกียปัญญา เราจะสุดยอดมากกว่านี้ไหม ถ้าเราสุดยอดมากกว่านี้ เราก็ทำให้ดีกว่านี้ขึ้นไป ดีกว่านี้ขึ้นไปเห็นไหม

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา แล้วปัญญาของใคร เราจะไม่ดูถูกเหยียดหยามใครทั้งสิ้น แต่พูดให้เห็นหลักเกณฑ์ไง ว่าสิ่งนั้นดีไหม ถูกต้องไหม ใช่.. ดีและถูกต้อง ถูกต้องของสังคม แล้วดีและถูกต้องของเราที่เราจะเอาตัวเรารอดออกไป

แล้วเราจะเอาตัวรอดออกไป เวลาปฏิบัติไป สิ่งที่เป็นไปจากภายใน สิ่งต่างๆ เห็นไหม ประเพณีวัฒนธรรมไม่ใช่ธรรมะ มันเป็นศาสนธรรม มันเป็นศาสนพิธี พิธีนี้เข้าไปเหมือนหีบห่อบรรจุภัณฑ์ เห็นไหม เขาต้องเอาหีบห่อนั้นบรรจุภัณฑ์สิ่งใดที่ดีๆ มา

ถ้าหีบห่อบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม โอ้โฮ.. เราจะมีค่ามากเลย ประเพณีที่มันเรียบง่าย ที่มันดูแล้วสวยงาม มันจะมีค่ามากเลย แต่เนื้อหาสาระคือหัวใจของเรานะ เนื้อหาสาระคือใจเราที่จะได้ผล หีบห่อมันสวยงามแต่สิ่งที่มันบรรจุมานั้นมันจะมีคุณค่าแค่ไหน?

นี่ก็เหมือนกัน หีบห่อคือร่างกายของเรา มันบรรจุจิตใจเรามา แล้วถ้าจิตใจของเรามันประเสริฐขึ้นมา ดูสิ หีบห่อเราเหมือนกันหมดเลย ร่างกายมนุษย์เหมือนกันหมดเลย แต่หัวใจเท่ากันไหม หัวใจเหมือนกันไหม ความคิดลึกตื้นหนาบางต่างกันไหม พัฒนาตรงนี้นะ

“จงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด” ธรรมะของเราไง ในศาสนธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วมันจะมาสถิตในใจของเรา ใจเราจะสัมผัส ใจเราจะเป็น เห็นไหม

มองจากข้างนอก มองโลกเขาทำกัน เขาทำสถิติไง การรถไฟของเมืองจีนต้องขนย้ายคน ๑๘๐ ล้านคนกลับไปไหว้บรรพบุรุษ ๑๘๐ ล้านคนมันมากกว่าเมืองไทยกี่เท่า ต้องขนย้ายให้หมดภายในเวลาของเขา แล้วพอเวลาเสร็จแล้ว เขาก็ต้องขนย้ายกลับอีก ๑๘๐ ล้านคน มากกว่าเมืองไทย ๒-๓ เท่า ขนไปขนมาเพราะความเชื่อ ความเชื่อความศรัทธาของเขา เห็นไหม แต่มันเป็นสิ่งที่คนมีหลักมีเกณฑ์นะ ไม่ใช่เราเกิดมาแล้วไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีหลักใจเลย ว้าเหว่

นี่มีพ่อมีแม่ คิดถึงกตัญญู เรายังมีหลักใจ แต่ของเรามีหลักใจแล้ว เห็นไหม แต่หลักใจถ้าเรามีธรรมเป็นที่พึ่ง เราจะมีหลักใจดีกว่านี้ เอวัง